วันที่ 9 มิ.ย.68 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า เมื่อวานตอนเย็น (8 มิ.ย.68) ฝ่ายไทยได้รับรายงานว่ากองกำลังของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้ออกสำรวจแนวพื้นที่และแนวคูเลตร่วมกัน และได้มีการกลบฝังพื้นที่ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับให้มีการปรับกำลังของทั้งสองฝ่ายให้ไปอยู่ในแนวพื้นที่ที่ได้ตกลงกันไว้ ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567
ฝ่ายไทยเห็นว่าพัฒนาการทางบวกล่าสุดนี้ส่งสัญญาณที่ดี และสะท้อนถึงความจริงใจของฝ่ายกัมพูชาในการลดความตึงเครียดของสถานการณ์ ชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นผลจากการเจรจาในทุกระดับของทั้งสองฝั่ง ซึ่งตนหวังว่าจะนำไปสู่การหาทางออกอย่างสันติในระยะยาว เคารพซึ่งกันและกัน และด้วยความจริงใจต่อกัน
โดยเฉพาะการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ อีกทั้งเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดี ที่เราจะนำไปสู่การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา หรือ JBC ที่จะเกิดขึ้นในอีกห้าวันหลังจากนี้
สำหรับกลไก JBC ที่ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 เป็นกลไก เพื่อหารือเรื่องสำรวจและการจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมกันจำนวนทั้งสิ้น 10 ครั้ง เป็นสมัยสามัญ 5 ครั้ง สมัยวิสามัญ 5 ครั้ง
โดยการประชุมล่าสุดจัดขึ้นเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ โดยการทำงานของ JBC ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในหลายหลายพื้นที่ ดังเช่นในกรณีสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา สตึงบท รวมถึงการก่อสร้างการข้ามพรมแดน บริเวณบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี
ฝ่ายไทยจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุม JBC ครั้งต่อไปที่ฝ่ายกัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 14 มิถุนายน จะสามารถช่วยลดความตึงเครียดของสถานการณ์ในภาพรวม ที่ยังคงมีความเปราะบางอยู่ในขณะนี้ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน และนำไปสู่การหาทางออกที่ยั่งยืน พร้อมกันนี้ตนยืนยันความพร้อมของฝ่ายไทยที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ด้วยความสุจริตใจ และพร้อมจะได้เห็นความร่วมมือและความตั้งใจจริงของทั้งสองฝ่ายให้ความสัมพันธ์ของเราดียิ่งขึ้น
รัฐบาลไทยขอยืนยันความเชื่อมั่นว่าการใช้กลไกที่ไทยและกัมพูชาอยู่ระหว่างกันเช่น JBC ควบคู่กับคนไก คณะกรรมการชายแดนไทยกัมพูชา หรือ JBC กลไกคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคหรือ RDC การเจรจาทวิภาคีในทุกระดับ ทั้งในส่วนของทหาร และพลเรือน รวมไปถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ จะมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่างๆ เพื่อให้ประเทศของเราทั้งสองครอบครัวอาเซียนอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข
ขอใช้โอกาสนี้ย้ำทำความเข้าใจในเรื่องของมาตรการควบคุมจุดผ่านด่านต่างๆ ว่ายังคงดำเนินตามมาตรการต่อไป ตามความตามการประเมินของฝ่ายความมั่นคง ทั้งนี้เพื่อช่วยความรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน
นอกจากนี้ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือ ศอ.ปชด. ได้มีประกาศที่จะยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา เช่น การตัดกระแส การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ โดยจะนำเสนอมาตรการดังกล่าวต่อสภาความมั่นคงแห่งชาติต่อไป
สุดท้ายนี้กระทรวงการต่างประเทศขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน และประชาชนระมัดระวังการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ได้รับการตรวจสอบยืนยันและหลีกเลี่ยงการขยายข่าวที่อาจจะเป็นการปลุกระดมหรือการกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งโดยที่ไม่มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพื่อป้องกันการสร้างความเข้าใจผิดและความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดประเด็นความขัดแย้งเพิ่มเติม
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นที่กัมพูชางดวีซ่าคนไทยลดจาก 60 วันเหลือเพียง 7 วัน ทางการไทยได้รับรายงานหรือไม่และทางเราจะมีมาตรการอย่างไร รวมถึงการประชุม JBC ที่จะมีในวันที่ 14 มิถุนายน กัมพูชายืนยันตามเดิมใช่หรือไม่
นายนิกรเดช ระบุว่า JBC ยืนยันว่ายังมีประชุมเหมือนเดิม ทั้งสองฝ่ายออกมาพูดแล้วว่าตอนนี้เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ประชุมเจบีซี
ส่วนมาตรการวีซ่าทราบมาแล้วว่ากัมพูชาได้มีการลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาเหลือ 7 วัน ส่วนฝ่ายไทยก็ได้ปรับลดคนกัมพูชาที่เข้าไทย อยู่ได้ 7 วันเช่นกัน
และยังไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการไปถึงเมื่อไร รอให้สถานการณ์ดีขึ้นและรอให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ากลับมาคุยกันเรื่องของจำนวนวันในการเข้าประเทศอีกครั้ง
สำหรับความตึงเครียดทางทหารของทั้ง 2 ฝ่ายลดน้อยลง ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการปรับกลับไปอยู่ในจุดเดิมของปี 2567 มีการกลบคูเลต แต่สถานการณ์ยังอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง มีความน่ากังวล และสถานการณ์ก็ยังไม่ได้กลับสู่สภาวะปกติเช่นเดิม แต่ก็ได้รับสัญญาณที่ดีจากทั้งสองฝ่าย
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุม JBC กัมพูชายังไม่ขอเจรจาเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่ที่จะเสนอต่อศาลโลก ไทยจะมีการโน้มน้าวให้มีการนำมาพูดคุยในโต๊ะการประชุมหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ตอนนี้อย่างที่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายเริ่มคุยกันเรื่องวาระการประชุมแล้ว ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามีการคุยเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายอาจมีท่าทีสงวนว่าจะคุยกัน